แกงปลีให้อร่อย จะมีเคล็ดลับ ที่จะเป็นตัวช่วยคือ เคล็ดลับในการปรุง ปกติการต้มน้ำซุปกระดูกหมูจะใช้กระดูกส่วนไหนก็ได้ (กระดูกซี่โครงหมูหรือหมูสามชั้น ) แต่ปกติน้ำซุปจะให้อร่อยต้องกระดูกข้อหรือสะโพก ถึงจะดี หรือถ้าเป็นกระดูกข้อนำมาตัดเป็น 2-3 ท่อน พักไว้ ต้มน้ำให้เดือดใส่กระดูกลงไป รอให้เดือดพล่านสัก 1-2 นาที (ไฟแรง) จะเห็นน้ำซุปเป็นฟองและขุ่น นั่นเพราะเลือดในโพรงกระดูกออกมา จากนั้นปรับไฟอ่อนสุด คือ ขั้นตอนการเคี่ยวให้น้ำใส ให้ช้อนฟองออก น้ำซุปจะเริ่มใส เคี่ยวไปเรื่อยๆ ใส่เครื่องแกง(พริกแกงที่โขลกไว้)
เมื่อน้ำแกงได้ที่แล้ว ใช้วิธีทุบหัวปลี แกะเอาแต่ข้างในสีขาว เปราะ ไม่เหนียว ใส่ลงไปในหม้อทันที และหั่นส่วนที่ยังเป็นแกนหนา ให้บาง ๆ และใส่หม้อทันทีด้วย หรือหัวปลีที่หั่นทิ้งไว้ก่อนแล้วควรแช่ด้วยน้ำมะขามเปียกหรือน้ำมะนาวจะไม่มีสีคล้ำน่ารับประทาน หลังจากหัวปลีเริ่มสุกใส่มะเขือเทศ เมื่อใส่ชะอมแล้ว ให้สุกแบบพอดี ไม่ต้มนานเกินจนผักมีสีเหลืองจะช่วยให้น้ำแกงมีรสกลมกล่อม ส่วนใบชะพลู ใส่ก่อนปิดฝาหม้อ แล้วยกลง ไม่ให้เละเกินไป
เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม เลือกหัวปลีกล้วยป่า มีรสชาติอร่อยกว่าหัวปลีกล้วยชนิดอื่นๆ ถ้าหาปลีกล้วยป่าไม่ได้ ควรใช้ปลีกล้วยน้ำว้า ส่วนชะอมควรเลือกชะอมมีหนาม รสชาติของแกงจะกลมกล่อมกว่าชะอมไร้หนาม มะเขือเทศก็ใช้มะเขือเทศลูกเล็ก(มะเขือส้ม) แต่ควรเพิ่มมะเขือเทศสีดาสักเล็กน้อยจะมีรสหวานอร่อย สำหรับกระดูกหมูจะใช้กระดูกส่วนไหนก็ได้ กระดูกซี่โครงหมู กระดูกซุบหรือหมูสามชั้นเนื้อหนาๆ ก็ได้
หัวปลี มีธาตุเหล็กมาก เป็นอาหารที่ให้พลังงานน้อย โดย หัวปลีน้ำหนัก 100 กรัม จะให้พลังงานเพียง 26 กิโลแคลอรี่ และที่สำคัญ หัวปลียังมีฤทธิ์ช่วยขับน้ำนมอีกด้วย
นอกจากแก๋งปี๋แล้ว ส่วนต่างๆของกล้วยยังสามารถนำมา ทำเป็นอาหารได้หลากหลาย ซึ่ง มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้สำรวจตำรับอาหารจากกล้วยมาให้หลายตำรับดังนี้ ลาบปลีใส่นกคุ่ม,ลาบหัวปลี (ลาบเป็ดเจ),ยำหัวปลี , แกงส้มหัวปลี , ซุปหัวปลี , ทอดมันหัวปลี, หัวปลีชุบแป้งทอด , หยวกกล้วยดอง , แกงกล้วย , ตำกล้วย , ข่าหยวก , ต้มโคล้งหัวปลี , แกงไก่หยวกกล้วยญวน,ก้อยหอยใส่ปลี และตำหัวปลี
|